ตำนานงูยักษ์แห่งกาญจนบุรี!!

 ตำนานงูยักษ์แห่งกาญจนบุรี!! สมัยสงครามโลก

วันนี้ทางLekdedthai มานำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานงูยักษ์แห่งกาญจนบุรี กันบ้างนะคะ ไว้ให้อ่านเป็นความรู้เผื่อเบื่อเรื่องรวเกี่ยวกับเลขเด็ดหรือหวย
 งูยักษ์แห่งกาญจนบุรี เกิดขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นเรื่องราวที่เล่าต่อกันมาสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น โดยเค้าว่ากันว่าเป็นเรื่องจริงคะ จะเป็นยังไงลองเข้ามาอ่านกันดูคะ 

           ที่จริงแล้วในประเทศไทยของพวกเราเองก็มีตำนานลี้ลับเกี่ยวกับงูยักษ์ด้วยเหมือนกันซึ่งมีขนาดมโหฬารไม่แพ้อนาคอนด้าในรูปภาพยนตร์แม้แต่น้อยเนื่องจากที่รู้มางูตัวนี้สามารถกินคนถึงทีละ 2-3 คนอย่างสบายๆทีเดียว แล้วก็สถานที่ที่กำลังเอ่ยถึงนี้จะเป็นที่อื่นๆไปมิได้นะ นอกจาก “จังหวัดกาญจนบุรี” นั่นเอง ที่อดีตยังคงความสมบูรณ์ของป่าไม้อันเขียวฉอุ่มอยู่ตลอดทั้งปี รวมทั้งมีแม่น้ำแควอันลดเลี้ยวไหลผ่านทำให้ตรงนี้ได้รับฉายานามว่า “ป่าอะเมซอนที่ทวีปเอเชีย” กันอย่างยิ่งจริงๆ
คุณลุง ปรีชา ไมตรีรักษ์ เจ้าหน้าที่อาวุโส ของสถานีรถไฟ กาญจนบุรี  ผู้เติบโตรวมทั้งดำรงชีวิตอยู่ที่ จังหวัดกาญจนบุรีมาชั่วชีวิต ตอนนี้คุณลุง รับหน้าที่  สันทนาการบนรถไฟขบวน กทม-น้ำตกไทรโยค ในเวลาที่เป็นทริปพิเศษวันหยุดที่มีผู้โดยสารเข้ามาท่องเที่ยวดู น้ำตกไทรโยค

           คุณลุงได้เล่าว่า เมื่อราว ปีพุทธศักราช 2485 เมืองไทยตกอยู่ในเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มีกองทัพประเทศญี่ปุ่นเข้ามาใน จังหวัดกาญจนบุรีจำนวนมากเพื่อทำที่มั่นสำหรับในการจู่โจมทหารอเมริกันกันแล้วก็ผู้ส่งเสริมในเขตพื้นทวีปทวีปเอเชีย ด้วยภาวะตำแหน่งที่ตั้งที่เป็นป่าดงดิบดกทึบทำให้ทาง กองทัพประเทศญี่ปุ่นมองเห็นถึงความปลอดภัยเพื่อการหลบลี้จากกองกำลังศัตรู

           ทหารประเทศญี่ปุ่นอำมหิตมากมายใช้เชลยสงคราม ที่จับมาได้ มาสร้างสะพานผ่านแม่น้ำแควเพื่อรถไฟวิ่งผ่านลำเลียงอาวุธได้อย่างสะดวก ว่ากันว่าก่อนที่จะสร้างได้เสร็จนั้น จำต้องบวงสรวงชีวิตเชลยสงครามไปร่วมหลายหมื่นคนยากจนมีคำกล่าวเปรียบเทียบว่า “หนึ่งไม้หมอนรถไฟแทนหนึ่งชีวิตที่เสีย” กันเลยทีเดียวหากมีโอกาสลองนับดูครับว่าเยอะแค่ไหน

           มาถึงเรื่องหลักของพวกเรากันบ้างขอรับ เรื่องตำนานงูยักษ์ที่เคยมีคนพูดถึง คุณลุงเล่าว่า ยุคนั้นทหารประเทศญี่ปุ่นได้ใช้จุดศูนย์กลางป่า จังหวัดจังหวัดกาญจนบุรีเป็นป้อมปราการสำหรับในการรบแน่ๆว่าจะต้องรุกล้ำเข้าไปในเขตของสัตว์ป่าที่อยู่ลึกจนถึงเกือบจะไม่เคยมีประชาชนผู้ใดกันแน่เคยเข้าไปตรวจสอบมาก่อน ทั้งในถ้ำ ซอกหิน ต้นไม้ต่างๆนาๆถูกดัดแปลงทำเป็นป้อมปราการพร้อมรบ เมื่อตกกลางคืนก็ได้มีการจัดเวร

           ยามออกลาดตะเวนบริเวณฐานป้อมปราการแบ่งเป็นกะ 10-15 คน รอออกลาดตะเวนทุกคืน แม้กระนั้นแล้วบางคืน กองลาดตะเวนก็กลับมาไม่ครบ หายไป 3-5 คน เมื่ออกค้นหาไม่พบจึงคิดว่าเป็นข้าศึกแอบลอบเข้ามาจู่โจม ก็เลยได้จัดเวรยามให้เคร่งครัดขึ้นอีกเท่าตัว แต่ว่าและจากนั้นก็กำเนิดเหคุการณ์แบบนี้เป็นมีทหารหายไปแทบจะ 3คืน ต่อครั้ง จนถึงหัวหน้าทนไม่ได้ รุ่งเช้าก็เลยจัด กำลังหลายร้อยนายออกค้นหาทหารที่หายไป

           จนกระทั่งสุดท้ายก็ได้เจอกับถ้ำแห่งหนึ่ง เป็นโพลงลึกมืดรวมทั้งบรรยากาศหนาวเย็น ก็เลยส่งทหารปริมาณหนึ่งเข้าไปดู ระหว่างที่ส่งทหารเข้าไปนั้น ฝั่งที่เฝ้าอยู่ภายนอกก็ได้ยินเสียงปืนขึ้น 1-2 ครั้ง จึงทำให้คิดว่าพบศัตรู จึงได้ส่งทหารอีกกลุ่มเข้าไปในทันที ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ทหารพวกนั้นวิ่งกลับออกมาอย่างไม่คิดชีวิต พลางอุทานว่า “ตัวประหลาด” ผู้สั่งการแล้วก็เหล่าทหารที่รออยู่ภายนอกต่างพากันแตกตื่น สุดท้ายก็มีคำบัญชาจากหัวหน้าว่าให้เอาระเบิดกริ้วเบิดถ้ำนี้ซะ

           ระเบิดจำนวนมากถูกส่งมาระเบิดปากถ้ำปริศนาดังกล่าว โดยเริ่มกดชนวนระเบิดไล่ไปเรื่อยๆตั้งแต่ว่าปากถ้ำ จนกระทั่งข้างในถ้ำ อย่างระแวดระวัง  และแล้วภาพที่ทุกคนไม่คาดคิดก็เผยอยู่ตรงหน้า เมื่อพบกับ งูเหลือมขนาดใหญ่ยักษ์ มีความยาวหลายสิบเมตร ความกว้างขนาดคตู้กับข้าวที่อยู่ในครัว กำลังกระเสือกกระสนพาร่างอันสะบักสะบอม เลื้อยออกไปจากถ้ำ ทหารญี่ปุ่นไม่รอช้าจัดการกระหน่ำยิงไม่ยั้งไปยังงูยักษ์ต้นเหตุของการหายตัวไปของเหล่าทหารลาดตะเวน ก่อนที่ มันจะขาดใจตายอยู่ตรงนั้น ทางทหารก็ได้หั่นเนื้อของงูยักษ์ออกเป็นชิ้นๆเพื่อความสะใจ ละเป็นการล้างแค้นให้กับผู้ที่ถูกมันคร่าชีวิตไปอย่างสาสม

           ภายหลังเหล่าทหารตรวจสอบถ้ำอย่างละเอียดแล้วหลังจากนั้นก็พบว่ามีกระดูกจำนวนมากไม่ต่ำลงยิ่งกว่าหลักร้อย ทั้งคนและก็สัตว์ใหญ่ เรื่องราวทั้งหมดทั้งปวงก็เลยเกิดเรื่องเล่าตกทอดกันมาอย่างช้านานจนถึงปัจจุบันนี้ที่จังหวัด จังหวัดกาญจนบุรี
คุณลุงได้เล่าเพิ่มว่าเรื่องดังที่กล่าวผ่านมาแล้วก็ได้ยิน เล่ากันปากต่อปากมาเช่นกันรับรองว่าเป็นเรืองจริงแต่ว่าข้อมูลอะไรบางอย่างบางทีอาจผิดเพี้ยนไปบ้างตามคนเล่าต่อกันมา เมื่อมีนักท่องเที่ยวรู้ว่าคุณลุงเป็นคนพื้นที่ ก็ชอบถามหัวข้อนี้อยู่ตลอด

           จริงอยู่ครับผมว่างูบางทีอาจรับประทานเพียงแค่พออิ่ม แต่ว่ามันบางทีอาจดุร้ายหรืออยากล้างแค้นมนุษย์เลยรับประทานรับประทานคนแล้วคลายออกมาเพื่อฆ่ามนุษย์ ที่มีกระดูกมนุษย์กองอยู่ในถ้ำก็เป็นไปได้ มีกระดูกงูตัวนี้1ท่อน อยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง จังหวัด จังหวัดกาญจนบุรี แต่ปัจุบันได้หายสาปสูญไปแล้ว มั่นใจว่าถูกลักขโมย เพื่อนำไปขายให้กับพวกคนร่ำรวย เรื่องนี้ เป็นเรื่องจริง ในสมัยนั้น คนเฒ่าคนแก่ท่านเล่าปากต่อปาก เหมือนๆกันหลายคนแล้ว