ตำนาน... "หลวงพ่อโต วัดบางพลี"

ตำนาน...อภินิหารพระลอยน้ำ 

"หลวงพ่อโต วัดบางพลี"




วันนี้ทาง Lekdedthai จะพาทุกท่านไปรู้จักประวัติ หลวงพ่อโต วัดบางพลี จากปาฏิหารย์ สู่ศรัทธาแห่งธรรม เรื่องราวเล่าขาลที่สืบทอดต่อกันมา แถมในปัจจุบันใครที่อยากจะขอพร ไปขอพร ขอเลขเด็ด ขอหวย ขอโชคลาภ กับท่านแล้วจะสมหวังแทบทุกราย ใครมีโอกาสได้ไปจังหวัดสมุทรปราการ  อย่าลืมไปกราบขอพร หลวงพ่อโต วัดบางพลี กันด้วยนะคะ




ถ้ากล่าวถึงพระสามพี่น้องนั้น มีอยู่มากมายหลายองค์ด้วยกันพระพุทธรูปบางองค์ได้ชื่อว่าเป็นพระสามพี่น้อง เพราะเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ในจังหวัดเดียวกัน บ้างก็เรียกเพราะสร้างขึ้นมาพร้อมๆ กันเช่นพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศาสดา แต่พระสามพี่น้องที่กล่าวถึงนี้ เชื่อว่าสร้างโดยชายพี่น้องสามคน คนหนึ่งเกิดวันพุธ จึงสร้างพระปางอุ้มบาตร ที่เรารู้จักกันดีในนามหลวงพ่อบ้านแหลม อีกคนเกิดวันพฤหัสจึงสร้างพระปางสมาธิ คือหลวงพ่อโสธร แต่อีกคนไม่ได้สร้างพระประจำวันเกิดแต่สร้างพระเกตุ หรือพระปางมารวิชัย ซึ่งพระปางมารวิชัยองค์นี้แหละที่มีถึงสามวัดที่อ้างว่าเป็นพระพุทธรูปประจำวัดของตนเอง คือหลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน หลวงพ่อวัดไร่ขิง และหลวงพ่อทอง วัดเขาตะเครา ซึ่งบางคนก็เลยรวมเรียกแบบถนอมน้ำใจเหมารวมหมดเลยว่าพระห้าพี่น้อง


          ในที่นี่จะกล่าวถึงเพียงหลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน เป็นหนึ่งในพระสามพี่น้องเท่านั้น ทั้งที่จริงแล้วพระพุทธรูปทุกองค์ ที่กล่าวถึงมาแล้วนั้น ล้วนมีความศักดิ์สิทธิ์ ได้รับความเคารพเลื่อมใสศรัทธาจากประชาชนมากทั้งนั้น


           ผู้เฒ่าผู้แก่หลายคน ซึ่งท่านเหล่านั้นก็ได้รับฟังมาจากบรรพบุรุษเล่าให้ฟังต่อๆกันมาว่า มีพระพุทธรูป ๓ องค์ ที่สร้างโดยพี่น้องสามคน คนโตเกิดวันพุธสร้างพระปางอุ้มบาตร คนกลางเกิดวันพฤหัสสร้างพระปางสมาธิ คนสุดท้อง สร้างพระปางมารวิชัย ลอยตามน้ำมา ซึ่งคาดว่านำมาใส่แม่น้ำเพื่อหลบพม่า หรือไม่ก็เกิดอุบัติเหตุระหว่างการขนย้ายทางเรือ (บางคำบอกเล่ากล่าวว่ามีพระพี่น้องชาย ๓ องค์ อยู่ทางเมืองเหนือแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ ล่องลอยมาตามแม่น้ำ จากทางทิศเหนือ เรื่อยมาตามลำแม่น้ำเจ้าพระยา) ในที่สุดมาผุดขึ้นใน แม่น้ำบางปะกง ณ ที่ตำบลหนึ่ง และแสดงปาฏิหารย์ลอยทวนกระแสน้ำให้ประชาชนเห็นทั้ง ๓ องค์ ประชาชนแถบนั้นต่างพร้อมใจกัน อาราธนาเอาเชือกพรวนมนิลาลงไปผูกมัดที่องค์หลวงพ่อทั้ง ๓ แล้วช่วยกันฉุดลากขึ้นฝั่งด้วยจำนวนผู้คนประมาณ ๕๐๐ กว่าคนก็ฉุดขึ้นไม่ได้ เชือกขนาดใหญ่ที่ผูกองค์หลวงพ่อทั้ง ๓ ก็ขาดฉุดไม่สำเร็จตามความประสงค์ ครั้นแล้วหลวงพ่อทั้งสามองค์ก็จมน้ำหายไปต่อหน้าคนทั้งหมด สถานที่พระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ ได้ลอยทวนน้ำมานั้นเลยได้ชื่อว่า “ตำบลสามพระทวน” แต่ต่อมากลับเรียกว่า สัมปทวน ได้แก่แม่น้ำหน้าวัดสมปทวน อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ทุกวันนี้ ต่อจากนั้นพระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ ก็ล่องลอยตามแม่น้ำบางปะกง เลยผ่านหน้าวัดโสธรไปถึงคุ้งน้ำใต้วัดโสธร แสดงอภินิหารผุดขึ้นให้ชาวบ้านบางนั้นเห็น ชาวบ้านได้ช่วยกันอาราธนา ฉุดขึ้นฝั่งทำนองเดียวกันกับชาวสัมปทวน แต่ก็ไม่สำเร็จหมู่บ้านบางนั้นจึงได้ชื่อว่า บางพระ มาจนทุกวันนี้ จากนั้นพระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ก็ล่องลอยทวนน้ำขึ้นมาถึงและลอยวนอยู่ที่หัวเลี้ยว ตรงกองพันทหารช่างที่ ๒ ปัจจุบัน สถานที่พระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์มาลอยวนอยู่นั้นจึงเรียกกันว่า แหลมหัววน และได้จมน้ำหายไปหลังจากนั้น พระพุทธรูปองค์พี่ใหญ่ ได้แสดงอิทธิฤทธิ์ปฏิหาริย์ ล่อยลอยไปผุดขึ้นที่ลำน้ำแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม ประชาชนชาวประมงอาราธนาขึ้นได้ และประดิษฐานเป็นมิ่งขวัญอยู่ที่วัดบ้านแหลมเราเรียกว่า หลวงพ่อวัดบ้านแหลม ทุกวันนี้เป็นที่บูชานับถือกันว่าเป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์ทัดเทียมกับหลวงพ่อโสธร ส่วนองค์สุดท้องได้แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ ลอยล่องไปผุดขึ้นที่ปากคลองสำโรง ชาวบ้านแถบนั้นได้อาราธนาขึ้นแพใช้เรือพายลายจูง ทั้งอธิษฐานว่าจะขึ้นเป็นมิ่งขวัญที่ใด ก็ขอให้แพนั้นจงหยุดอยู่กับที่ แล้วล่องมาตามลำคลองแพนั้นก็มาหยุดอยู่หน้าวัดบางพลีใหญ่ใน จังหวัดสมุทรปราการ ชาวบางพลีก็ได้อาราธนาอัญเชิญขึ้นประดิษฐานอยู่ทีวัดบางพลีใหญ่ใน ก็ปรากฏว่ามีผู้คนเคารพเลื่อมใสมากมายทัดเทียมกับ หลวงพ่อวัดบ้านแหลม และหลวงพ่อโสธร ส่วนพระพุทธรูปองค์กลาง คือ หลวงพ่อโสธร เมื่อลอยตามน้ำมาจากหัววน ดังกล่าวแล้ว ก็มาผุดขึ้นที่ท่าหน้าวัด โสธร กล่าวกันว่าประชาชนจำนวนมากทำการฉุดลากขึ้น โดยได้มีอาจารย์ผู้มีความรู้ทางไสยศาสตร์ กระทำตามพิธีการอันถูกต้อง แล้วเอาด้านสายสิญจน์คล้อง กับพระหัตถ์หลวงพ่อโสธรอัญเชิญขึ้นมาบนฝั่ง นำมาประดิษฐานในวิหารสำเร็จตามความประสงค์ แล้วก็จัดให้มีการฉลองสมโภช และให้นามหลวงพ่อว่า หลวงพ่อโสธร องค์หลวงพ่อโสธรจริง ๆ นั้นในสมัยที่ล่องลอยน้ำมาเดิม เป็นพระพุทธรูปที่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ปางสมาธิ หน้าตักกว้างประมาณ ๑ ศอกเศษ รูปทรงสวยงามมาก ต่อมาพระสงฆ์ในวัดเห็นว่ากาลต่อไปภายหน้าฝูงคนที่มีตัณหา และความโลภแรงกล้ามีอัธยาศัย เป็นบาปลามกไม่มีความศรัทธาเลื่อมใส จักนำไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวจะไม่เป็นการปลอดภัย จึงพอกปูนเสริมให้ใหญ่หุ้มองค์จริงไว้ภายในดังปรากฏที่เห็นในปัจจุบันนี้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตำนานงูยักษ์แห่งกาญจนบุรี!!

พญาอนันตนาคราช

พญานาค มีจริงหรือไม่!?