ตำนาน ...เจ้าแม่ตะเคียน!

ตำนาน "เจ้าแม่ตะเคียน"


หลายคนเคยได้ยินชื่อเสียงของ ต้นตะเคียนที่มีเจ้าแม่ตะเคียน สิงสถิตอยู่ และจากความเชื่อเหล่านั้นทำให้มีผู้คนและชาวบ้านจำนวนมาก ที่ไปขอโชคขอลาภ ขอหวย ขอเลขเด็ด จาก "เจ้าแม่ตะเคียน" บางก็สมหวังดั่งใจ บางก็ผิดหวัง แต่ควาขลังของเจ้าแม่ตะเคียน ก็ไม่ได้ลดลงเลย วันนี้ทางแอดมินจะมาเล่าถึงประวัติความเป็นมาของ "เจ้าแม่ตะเคียน" กันคะ





คนไทยมีความเชื่อกันมาตั้งแต่โบราณกาลแล้วว่า ต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุยืน ยาวนานปี มักจะมีรุกขเทวดาสถิตอยู่ทุกต้น




          รุกขเทวดาที่ประจำอยู่ตามต้นไม้ใหญ่เหล่านี้ บางองค์มีฤทธิ์อำนาจสูง สามารถบันดาลความสุขความสำเร็จมาสู่ผู้คนที่กราบไหว้บูชาได้ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถนำความหายนะต่างๆมาสู่ผู้คนที่โค่นล้มทำลายจนถึงตายได้เช่นกัน ดังเช่นเหตุการณ์อาถรรพณ์ในหลายครั้งที่เราท่านเคยได้ยินได้ฟัง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ นางตะเคียน

         จิตวิญญาณอาถรรพณ์ที่ผสมผสานออกมาในรูปของความศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นที่เคารพนับถือกันอย่างจริงจังนี่เอง ทำให้เกิดขนบธรรมเนียมประเพณีตลอดจนพิธีกรรมหลายอย่างที่มักจะมีความเกี่ยวข้องกับต้นไม้ หรือ ใช้ต้นไม้เป็นส่วนหนึ่งในองค์ประกอบหลัก สำหรับจัดทำพิธีการสำคัญต่างๆ ด้วยเหตุนี้จึงมีความเชื่อว่า หาทางราชการต้องการต้นไม้สูงใหญ่ไปใช้ในพิธีการ หรือใช้สร้างสถานที่สำคัญต่างๆ นั้น จะต้องเข้าป่าเพื่อค้นหาไม้ใหญ่ที่มีขนาดและลักษณะมงคลตามตำรา เมื่อพบเจอไม้ที่ถูกคุณลักษณะแล้วต้องทำการอ่านประกาศดำเนินกระแสพระบรมราชโองการ ณ. ที่นั่นประกอบด้วยอาหารคาวหวานเป็นเครื่องบัตรพลีสังเวยเพื่อบอกกล่าวของอนุญาตแก่รุกขเทวดาที่สิงสถิตอยู่ ก่อนที่จะทำการตัดโค่น
นำมาใช้ประโยชน์ต่อไป การยึดถือปฏิบัติต่อๆ กันมาเช่นนี้ เป็นการบ่งชั้ได้ว่าความเชื่อในเรื่องราวของรุกขเทวดาประจำต้นไม้ใหญ่นั้นนับเป็นสิ่งที่คนไทยเราให้ความสำคัญเสมอมา แม้ในปัจจุบันก็ยังมีความเชื่อเช่นนี้อยู่ หากจะกล่าวถึงสิ่งก่อสร้างที่ทำมาจากไม้ใหญ่ ซึ่งเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์และมีอาถรรพณ์ในบ้านเมืองเรานั้นมีอยู่มากมายนักที่เห็นเด่นชัดที่สุดก็เห็นจะเป็นเสาหลักเมือง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประจำบ้านเมืองที่มีอยู่ทั่วทุกจังหวัดในไทย หรือ เสาพระเมรุ ซึ่งจะมีให้เห็นก็แต่ในพิธีถวายพระเพลิงในราชวงศ์รวมทั้งเสาชิงช้าที่ตั้งอยู่ด้านหน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานครในปัจจุบันสิ่งเหล่านี้เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ที่สะท้อนให้เห็นถึงการนำเอาความเชื่อในเรื่องของจิตวิญญาณและความศักดิ์สิทธิ์ของรุกขเทวดาประจำต้นไม้เช้าไปเชื่อมโยงกันอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้เราจึงเชื่อกันตลอดมาว่า ความศักดิ์สิทธิ์และอาถรรพณ์แห่งต้นไม้ใหญ่นั้นนับว่ามีอยู่มากมาย โดยเฉพาะ ต้นตะเคียน ซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็งชั้นดี มีขนาดลำต้นเสมอกันตรงตลอดจรดปลาย ซึ่งจัดว่าเป็นไม้หายากมีไม่มากนักในป่า ไม้ตะเคียนนั้น ถือว่าเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่มีรุกขเทวดาสถิตอยู่ ซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้หญิง แต่ภาษาชาวบ้านเรียกขานกันว่า นางตะเคียนทองด้วยสรรพคุณพิเศษของต้นตะเคียนดังกล่าวนี้เอง ในสมัยก่อนต้นตะเคียนจึงกลายเป็นไม้มงคล และในขณะเดียวกันก็มีความอาถรรพณ์แรงกล้า ดังปรากฎเป็นตำนานจากบันทึกในประวัติศาสตร์ยืนยันแน่ชัดว่ามีอยู่จริงๆหลายเรื่อง เช่น เรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา
เรือพระที่นั่งซึ่งใช้ไม้ตะเคียนขุดขึ้นมาทั้งลำและเก็บไว้ในคูน้ำที่แยกออกมาจากคลองรอบพระนครตั้งแต่เมื่อมีการนำเรือพระที่นั่งลำดังกล่าวเข้าไปจอดเก็บอยู่นั้น ก็มักมีคนได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาบ่อยครั้ง จนกระทั่งต่อมามีผู้คนเรียกขานชื่อคูน้ำแห่งนี้ว่า คูไม้ร้อง จนต้องยอมรับว่าอาถรรพณ์วิญญาณนางตะเคียน ซึ่งสถิตอยุ่ในไม้ที่นำมาชุดเป็นเรือพระที่นั่งนั้นเฮี้ยนเอาเรื่องมากทีเดียว


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

          ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งสามารถทำให้ผู้คนที่ได้รับฟังแล้วขนหัวลุกชันขึ้นมาทันตาเห็นก็เป็นตำนานของ “เสาร้องไห้” ที่จังหวัดสระบุรี หรือที่เรียกกันติดปากจนกลายเป็นชื่ออำเภอ “เสาไห้” นั่นเอง ตามตำนานกล่าวว่า ครั้งหนึ่งได้มีเสาตะเคียนทองต้นหนึ่งจมอยู่ในแม่น้ำมานาน พออยู่มาก็เกิดแสดงอิทธิฤทธิ์ร้องไห้โหยหวน มาของเสาตะเคียนดังกล่าวนี้ มีมาตั้งแต่สมัยที่ทางราชการมีโองการให้ค้นหาไม้ตะเคียนมาเพื่อทำเสาชิงช้า ที่บริเวณวงเวียนเสาชิงช้ากรุงเทพมหานครในปัจจุบัน ต้นตะเคียนดังกล่าวจึงถูกโค่นลงมา แต่ด้วยต้นตะเคียนดังกล่าวมีตรงส่วนปลายยอดคดเล็กน้อยจึงไม่ได้ลักษณะตามที่ทางราชการต้องการ ไม้ตะเคียนต้นนี้จึงไม่ได้รับความสนใจดูแลเท่าที่ควร ในขณะที่นำตะเคียนต้นดังกล่าวนี้ล่องน้ำลงมาจากป่าเมืองเหนือนั่นเอง เมื่อมาถึงบริเวณจังหวัดสระบุรี จึงถูกปล่อยให้หลุดจากเรือลากจูงและจมลง จนในที่สุดก็เกิดเรื่องราวความเฮี้ยนของผีนางตะเคียนร้องไห้ ต่อมาจึงกลายเป็นชื่อเรียก “อำเภอเสาไห้” ในปัจจุบัน ดังที่ได้กล่าวถึงเรื่องราวของต้นตะเคียนมาตั้งแต่ต้นนั้น เพื่อชี้ให้เห็นตามความเชื่อที่ว่าไม้ตะเคียนนั้นถือว่าเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์และอาถรรพณ์แรงกล้า ซึ่งหลายท่านก็คงทรากันดีอยู่แล้วว่าผีนางตะเคียนนั้นมีความดุและเฮี้ยนมากเพียงใด ถึงแม้ยุคนี้จะมีวิวัฒนาการทางวิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้าไปมากแล้วก็ตาม แต่เรื่องผีนางตะเคียนก็มักจะยังถูกเล่าขานกันอยู่ชนิดที่ว่าไม่มีวันหยุดโดยเฉพาะในสถานที่ที่มีซากตอตะเคียน เรือไม้ตะเคียนโบราณที่ชาวบ้านขุดค้นพบ หรือมีต้นตะเคียนขึ้นอยู่ ดังเช่นเรื่องราวความอาถรรพณ์แห่งป่าตะเคียน หลังวัดแก้วตะเคียนทอง จังหวัดสุพรรณบุรีนั้น
เป็นที่โจษจันกันว่าวิญญาณนางตะเคียนที่นั่นเฮี้ยนทั้งป่า ทั้งยังมีเรื่องราวแปลกประหลาดรวมถึงอิทธิฤทธิ์ของผีนางตะเคียนในป่าแห่งนี้มากมาย แต่เรื่องหนึ่งที่ไม่มีวันจางหายไปจากที่นี่ก็คือคำบอกเล่าที่ว่าวันดีคืนดีมักจะมีชาวบ้านพบเห็นดวงไฟล่องลอยออกมาจากป่าตะเคียน แล้วดวงไฟดังกล่าวนั้นจะพุ่งติดตามผู้ที่พบเห็นไปตลอดจนถึงหน้าเรือนชานเลยทีเดียว ผู้ที่เคยพบเห็นดวงไฟประหลาดนี้
เล่าว่า ไม่ว่าจะพายเรือหนีวิ่งหนี ดวงไฟปริศนานั้นก็ยิ่งเร่งความเร็วไล่ตามไปอย่างไม่ลดละ หรือเรียกว่ายิ่งกลัวก็ยิ่งหลอกหลอนอะไรทำนองนั้น เป็นเรื่องประหลาดที่มีเกิดขึ้นมานานแล้ว และจนถึงทุกวันนี้ก็ยังมีปรากฎอยู่ในบางโอกาส ...


จากเรื่องราวความเฮี้ยน ของเจ้าแม่ตะเคียน และตำนานที่โด่งดังมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นตำนานที่เล่าขานกันมายาวนานถึง 100 ปี  ตำนาน "เสาร้องไห้" ที่จังหวัดสระบุรี  หรือที่เรียกกันติดปากจนกลายเป็นชื่ออำเภอ “เสาไห้” นั่นเอง และบทความเรื่องต่อไปขอเราเองคะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตำนานงูยักษ์แห่งกาญจนบุรี!!

พญาอนันตนาคราช

พญานาค มีจริงหรือไม่!?